เรื่องเล่าประสบการณ์ของชายคนหนึ่งเอามาจากบอร์ด PANTIP ครับจาก : http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/X3804825/X3804825.html
โดยคุณซันนี่ เรื่องมิติเวลามีจริงหรือเปล่า ใครเคยเจอแบบนี้บ้างครับ
อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงครับ เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา 8 ต.ค. ผมกับเพื่อนนัดลูกค้าไว้ที่ออฟฟิศของลูกค้า อยู่ในซอยอารีย์ พหลโยธิน
ไปถึงก็ 9 โมงเศษ ๆ เองไม่ถึงเก้าโมงครึ่งเลย (พอดีนัดไว้ 10 โมง)ออฟฟิศเป็นลักษณะบ้านทาวน์เฮาส์ แต่มีตั้ง 4 หรือ 5 ชั้นแน่ะ(ไม่แน่ใจ) น่าอยู่ดีครับข้างนอกเรียบ ๆ แต่ข้างในโมเดิร์นมาก มีลักษณะเล่นระดับนิดหน่อย โปร่งและค่อนข้างสว่าง โอปเรเตอร์สาวโทรขึ้นไป ก็ทราบว่าตัวคุณลูกค้าเค้าสะดวกที่จะคุยกับพวกเราได้เลย เธอเลยเชิญที่ห้องประชุม 2 ซึ่งให้ขึ้นลิฟท์ไปเอง จากชั้นลอยคือเดินขึ้นไปตามชั้นที่เล่นระดับ
แล้วคุณโอปเรเตอร์ก็แยกไปเตรียมเครื่องดื่มให้เรา เราก็ขึ้นลิฟท์กันไป เป็นลิฟท์บ้าน ตัวเล็ก ๆ เข้าได้ประมาณ 4-5 คนเป็นอย่างมาก
พอคุยกันสักครู่ถึงตอนที่ให้ดูงานที่ทำไว้ในคอม ผมก็เปิดแล็ปท็อปขึ้นมา แต่นึกได้ว่าทัมป์ไดรฟ์อยู่ในกระเป๋าอีกใบที่อยู่ในรถ ผมเลยบอกขอตัวลงมาเอาทัมป์ไดรฟ์ ก็ลงมาตามลิฟท์เดิม ผมเจอคุณโอปเรเตอร์ตรงชั้นลอยพอดี เธอถือกาแฟเย็นมา 4 แก้ว สูง ๆ ยิ้มให้แล้วเดินเข้าลิฟท์ไป
ตอนที่กลับขึ้นไปถึงห้องประชุม 2 เพื่อนผมถามเป็นประโยคแรกว่าลืมงานไว้ที่บ้านเหรอ ? ผมก็บอกว่าอยู่นี่ เค้าถามว่าไปเอาที่ไหนทำไมนานจัง ผมก็งงเล็กน้อยว่านานยังไงวะ จะให้วิ่งไปหรือยังไง ยังไม่เอะใจอะไร ก้มหน้าก้มตาเสียบทัมป์ไดรฟ์เปิดไฟล์งาน ก็ได้ยินว่าเค้ากำลังคุยกันถึงเรื่องงานในส่วนของเพื่อนผม หันไปจะจัดการกับกาแฟเย็น ปรากฎว่าน้ำแข็งละลายแประแก้วแล้ว ส่วนของคนอื่นหมดแก้วบ้าง เกือบหมดบ้าง คุณลูกค้าก็แสนดีหันมาเห็นก็โทรลงไปสั่งให้ข้างล่างทำขึ้นมาใหม่ให้ผมแก้ว นึง ให้ตัวเขาอีกแก้ว ส่วนเพื่อน ๆผมไม่เอา อะไรไม่ตกใจเท่านาฬิกาในห้องมันเกือบเที่ยงแล้วครับ (11.42 ผมจำได้แม่น)แต่ตอนแรกคิดว่านาฬิกาตายก็ไม่ได้สนใจ ก็คุยงานกันจนเสร็จเรียบร้อยเชื่อไม๊ครับ.... ชั่วเวลาที่เดินไปรถ-เปิดรถ-หยิบกระเป๋าที่วางอยู่หลังที่นั่งคนขับ-เปิด ปั๊บ หยิบทัมป์ไดรฟ์-ปิดกระเป๋า-วางลงที่เดิม-ปิดประตู ล็อครถ- เดินกลับไป-เข้าประตู-ขึ้นบันได-ขึ้นลิฟท์ กินเวลาถึง ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ? ? ? ทั้ง ๆ ที่ตอนกำลังจะเดินกลับไปที่รถ พวกผมเพิ่งเข้ามาออฟฟิศได้ไม่ถึง 10 นาที ตอนนั้นยังไม่เก้าโมงครึ่งเลย คาดว่าตอนที่เดินกลับไปที่รถน่าจะราว ๆ เก้าโมงครึ่งพอดี ๆ หรือกว่านั้นเล็กน้อย แต่ตอนที่ผมกลับมาเวลามันปาไปจะเที่ยงแล้วครับ ภายหลังยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ ตอนคุยธุระเสร็จจนลาลูกค้ากลับไปนั่งที่รถกัน ผมดูนาฬิกาผมเป็นเวลา 10.35 ครับ ส่วนของเพื่อน เป็นเวลาบ่ายโมงพอดี ลูกค้าก็ชวนทานข้าว แต่พวกมันรีบไปที่อื่นต่อเพราะนัดกับเพื่อนอีกคนไว้ บายสอง แล้วก็หันมาเล่นงานผมว่าทำให้ช้า ไม่ได้ไปกินอะไรอร่อย ๆกันเลย ผมก็เถียงแล้วเถียงอีกว่าไม่ได้หายไปไหน จนทุกวันนี้พวกมันยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่เลยครับว่าเรื่องพิศวงที่ เล่า ผมอำหรือเปล่าว ? แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่อำ เพราะว่า 1.พวกผมจอดรถในรั้วใต้ถุนทาวน์เฮาส์ครับ และเวลาออกต้องมียามมาเปิด ประตู แต่ยามก็ยืนยันว่าไม่ได้เปิดประตูให้รถผมออกหรือตัวผมออกเลย
2.คุณโอปเรเตอร์ตอนเดินขึ้นไปเสิร์ฟกาแฟและ ลงลิฟท์มา ก็ไม่ได้สวนกับผมแล้วก็ไม่เห็นผมด้วย
3.เพื่อนโทรตาม แต่ไม่ติดครับ ไม่ทราบเพราะอะไร คือผมไม่ได้รับมิสคอร์ เหมือนกัน ทั้งที่ระบบโทรศัพท์ของผมเป็นยี่ห้อหนึ่งที่มันจะมีข้อความบอกว่าเรามีใคร โทรมาหาบ้างเวลาไม่ได้รับสาย
4. ผมไม่ได้ไปแอบหลับที่ไหนแน่ๆ แล้วก็ไม่ได้เมาค้างด้วยครับ วันก่อนหน้านั้น นอนตั้งแต่ห้าทุ่มแล้ว
ไม่ทราบใครเคยเจอเหตุการณ์ประมาณนี้มั้ยครับ ?
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
จาก : http://board.dserver.org/t/tufoboard/00000043.html โดยคุณ interpuจาน ufo มีส่วนทำให้มิติเวลาเกิดการสับสน จริงหรือ?? หาคำตอบได้ที่นี่
ข้อความ : ufo เกี่ยวข้องกับการที่มิติเวลาของเราคลาดเคลื่อนจริงหรือไม่ ตอบได้เลยว่าจริง จากการศึกษาและประสบการณ์บอกเล่าของหลายๆ คน ทำให้ทฤษฏีนี้น่าเชื่อถือ และเคยเกิดขึ้นกับประสบการณ์ของข้าพเจ้าจริง หลายปีมาแล้ว ขณะที่เดินทางจากจังหวัดแพร่ไปจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างทางที่จังหวัดลำปาง ประมาณครึ่งทางนั่นเอง ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น คือ ข้าพเจ้าและFanแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง จะทางต้องเลี้ยวซ้ายและตรงไป อีก 2 ทางแยก กับ 1 สะพานข้ามแม่น้ำ จะถึงสามแยก เลี้ยวขวาไปเชียงใหม่ ตรงไปเป็นต.เกาะคา ซึ่งนับแต่ข้าพเจ้าเลี้ยวรถซ้าย(จากจุดเริ่มต้นที่บอกไปแล้ว) จู่ๆ ก็มีแสงสว่างมากๆ ชนิดว่าหน้ามืดไปทันทีได้เลย ข้าพเจ้าและFanตกใจมาก แต่นึกว่าเป็นไฟข้างทางหรือสปอต์ไลซ์ (ถนนนี้เป็นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) 4 เลน จึงมิได้สนใจนัก เมื่อผ่านแสงสว่างนั้นมาได้เห็นท้ายรถบัสขนาดใหญ่ และข้าพเจ้าต้องแปลกใจคือ ทางมืดลงและแคบกว่าเดิมมาก ไฟข้างทางก็ไม่มี มีการซ่อมทาง ซึ่งนับจากข้าพเจ้าเลี้ยวมาไม่ได้เจอ2 ทางแยก กับ 1 สะพาน และสามแยกไปเชียงใหม่เลย ถ้านับเป็นวินาทีก็ไม่เกิน 30 วินาที หรือน้อยกว่ามาก
ข้าพเจ้ากับFanรู้สึกขนหัวลุกมากที่สุดในชีวิต เราสองคนหวาดกลัวและเหมือนกับคนหลงทาง ไม่รู้เลยว่านี้คือทางใด (้อ้อ ลืมบอกไปข้าพเจ้ามีอาชีพรับของมาขาย ตลาดนัด ต้องเดินทางเส้นนี้ 2 วันครั้ง) เวลาที่เกิดคือ 23.30 ประมาณนั้น ซึ่งไม่ดึกเท่าใดเลย และข้าพเจ้ากับFan ยืนยันได้เลยว่าไม่เคยดื่มสุรา หรือแอลกฮอล์กใดๆ ก่อนขับรถ ย้อนกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ขับตามรถบัส นั้น ข้าพเจ้าขับตามได้ประมาณ3 ก.ม. ได้ และรู้สึกว่ากดดันมาก พยายามบอกกับตัวเองว่า ตายหรือยัง เราเป็นอะไร และอยู่ที่ไหนกันแน่ จนความรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วกับเหตุการณ์นี้ จึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับ ซึ่งตรงนั้นเป็นทาง 2 เลนที่แคบข้างทางเป็นคลองแบบไม่มีน้ำอยู่ มืดมากชนิดว่าไม่มีไฟเลย และเราก็ขับรถกลับมาอีกประมาณ 10 ก.ม. และเริ่มคุ้นตากับสามแยกซึ่งถ้าเรามาจากจังหวัดแพร่ จะเลี้ยวขวา แต่เมื่อขับมาถึง ข้าพเจ้าต้องเลี้ยวซ้าย ซึ่งแสดงว่า เราเลยทางแยกทุกแยก สะพาน บิ๊ก C สถานีขนส่ง (ทางผ่าน) มาหมดซึ่งประมาณ 10 กว่ากม.ได้ ซึ่งในแสงสว่างนั้นประมาณแวบเดียวเท่านั้น
เมื่อเราทั้งสองคนเลี้ยวขวาข้าพเจ้าและFan ไม่แน่ใจว่า ตายหรืออยู่กันแน่ ฝันหรือเพี้ยน ขนหัวลุกซู่ทั้งหัวจริงๆ เมื่อเห็นปั๊มน้ำมันที่เราแวะกันประจำ ข้าพเจ้าบอกFanให้ไปซื้อของ และอยา**ผม**้ว่าเขายังเห็นตัวเราอยู่หรือเปล่า ในที่สุดสรุปที่ยังไม่ตาย
เมื่อขับรถมาถึงศาลเจ้าพ่อขุนตาล ซึ่งศักดิ์สิทธิ์มาก ขนลุกอีกครั้ง และมีหมอกหนาทั่วไป ทำให้เพิ่มความน่ากลัวไปอีก
ในที่สุดก็ขับมาถึงบ้าน แต่เราทั้งสองคนยังไม่หายกลัวกับเหตุการณ์นี้ จึงไปบ้านเพื่อน ซึ่งเขากำลังคุยกันเรื่อง Amway ประมาณ ตี 2 ได้ เรานำเรื่องน่าตื่นเต้นและขนลุกที่สุดในชีวิตไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ถ้าพูดถึงความเชื่อในไสยศาสตร์ เพื่อนๆ จะเรียกว่า "ผีบังตา" แต่ข้าพเจ้าเชื่อใน UFO มากกว่า เหตุการณ์นี้อาจเป็นแสงสว่างจาก UFO ซึ่งทำให้มิติเวลาสับสนไปได้ หรืออะไรก็ตาม
เพื่อนๆ ที่อุตส่าห์อ่านจนจบ ช่วยบอกที แต่ข้าพเจ้ารับประกันด้วยเกียรติ์ หรือแม้แต่เชิญให้ท่านคุยเป็นการส่วนตัวก็ได้ ถ้าท่านไม่เชื่อ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ประสบคนเดียว มีถึง 2 คน ข้าพเจ้าจะรอฟังความคิดเห็นของท่าน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติมจากประสบการณ์อีกหลายคนทั้งไทยและต่างชาติhttp://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/04/X7806385/X7806385.html