หน่วยของเผ่าพันธุ์มังกร (Dragon Units) [อ่านเล่นๆ กัน] อัพเดทเพิ่ม

ภาพโดยรวมของเผ่าพันธุ์ต่างๆ
ภายในอาณาเขตของดินแดนที่ถูกแบ่งแยกออกมานี้ เผ่าพันธุ์ทั้งสามได้อยู่ร่วมกันอย่างไม่สงบสุข มีความตึงเครียดและในบางครั้งมีการตกเป็นทาสและสงคราม พวกเผ่าพันธุ์หมาป่าหรือ Wolf Clan อยู่ทางด้านตะวันตกฉียงเหนือ พวกบัวหลวงหรือ Lotus Clan อยู่บนที่ราบสูงทางเหนือ และพวกเผ่าพันธุ์อสรพิษหรือ serpent Clan อยู่ในดินแดนทางใต้ที่อุดมสมบูรณ์และนอกจากนี้ อย่างน้อยในใจของใครบางคนยังมีวิญญาณของเผ่าพันธุ์ที่สี่คือเผ่าพันธุ์มังกรหรือ Dragon Clan ที่สาบสูญ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเผ่าอสรพิษ

ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้กัน แต่ก็ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนแตกต่างกันได้ขนาดสามเผ่านี้ ยังไม่มีผู้ชนะเด็ดขาดในการแก่งแย่งอำนาจสามเส้านี้ ความเป็นพันธมิตรและอริศัตรูไม่จีรัง และคุณจะไม่มีทางรู้ว่าใครหรืออะไรจะมารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณพรมแดนของคุณ ถ้าคุณต้องการอยู่ให้รอดในโลกนี้ คุณต้องศึกษาทั้งศัตรูและมิตรของคุณให้ดี รู้จักวิถีทางของพวกเขา นักรบของพวกเขา และจุดอ่อนของพวกเขา

เผ่าพันธุ์มังกร (Dragon Clan)
ทุกวันนี้พวก Dragon Clan ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเรื่องพื้นบ้านปรัมปราที่เล่าขานกันในจัตุรัสของหมู่บ้าน เป็นเรื่องของนักประวัติศาสตร์และมรดกของอุดมการณ์ที่สาบสูญ แต่ในช่วงเวลาของทาร์แรนด์ผู้บิดา (Tarrant the Eleder) และบรรพบุรุษของเขา พวก Dragon Clan เป็นชนเผ่ายิ่งใหญ่ในที่ที่มีเกียรติศักดิ์ศรี ระเบียบและความยุติธรรมเป็นเจ้า ในการนำมังกรมาเป็นสัญลักษณ์ เผ่าพันธุ์นี้ได้ปวารณาตัวให้เข้าถึงอุดมการณ์สูงสุดของปัญญา เกียรติยศ และความเหี้ยมหาญในสมรภูมิ

สมาชิกทุกคนของ Dragon Clan ตั้งแต่ชาวบ้านจนถึงซามูไร รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนดีและกระทำมันอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักในไร่เมื่อฤดูกาลผันเปลี่ยน หรือการซ้อมรบตลอดปี และการตายอย่างมีเกียรติในสมรภูมิ แล้วเผ่าพันธุ์นี้ก็ใช่ว่าจะขาดซึ่งวัฒนธรรม ดูอย่างเกอิชาผู้ซึ่งมีความงามล้ำเลิศและรอบรู้ศิลปะขั้นสูงดุจเดียวกับซามูไรในสนามรบ

เมื่อพวกอนารยชนหรือ Horde บุกเข้ามาและดินแดนถูกแบ่งแยก พวก Dragon Clan โบราณนี้ได้ตายไป แต่พวกที่เหลือรอดอยู่ได้กลายเป็นพวกเผ่าพันธุ์อสรพิษหรือ Serpent กระนั้นสักวันพวก Dragon Clan อาจจะหวนคืนมา ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เราหวาดกลัวเกินกว่าจะหวังถึงสิ่งนั้น จนกว่าจะถึงวันนั้น เรายังคงเล่าเรื่องราวเหล่านี้ เรายังคงพูดถึงถ้อยคำเหล่านี้และเรายังคงรำลึกถึง..

-------------------------------------------------------------------------------------------

หน่วยของเผ่าพันธุ์มังกร (Dragon Units)
Peasant : ชาวบ้าน
"เกียรติยศเป็นของผู้น้อยได้ เฉกเช่นผู้เป็นใหญ่"
ชาวบ้านของเผ่า Dragon Clan เป็นพวกง่ายๆ ใส่หมวกหลวมโพลกและเสื้อคลุมเนื้อหยาบ พวกเขาทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเก็บเกี่ยวปัจจัยในการดำรงชีพ กระนั้นก็ตาม ชาวบ้านแต่ละคนรู้ดีว่าการสู้งานหนักของพวกเขาช่วยให้ชนเผ่าอยู่รอดได้เฉกเช่นกับคมดาบของซามูไร และสักวันเขาเองก็อาจกลายเป็นนักซะเอง

Spearman : นักพุ่งหอก
"ตัวข้าคืออาวุธ"
ชาวบ้าน Dragon Clan ซึ่งแสดงความสามารถในการสู้ประชิดตัว จะเริ่มต้นฝึกด้วยหอกธรรมดาๆ นี้ จากปรมาจารย์ Dojo (โดโจ) พวกเขาจะเรียนรู้พื้นฐานของศิลปะการต่อสู้ พละกำลังความว่องไว และการทรงตัว ฝ่ายตรงข้ามที่คอยระวังแต่คมหอกต่างประหลาดใจเมื่อ Spearman จู่โจมอย่างแม่นยำฉับไวด้วยมือและเท้าของพวกเขา
หอกไม่ใช่อาวุธที่เร็วที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะมีประโยชน์มากในการต่อกรกับศัตรูที่อยู่บนที่สูงกว่า และ Spearman ก็ไม่ใช่นักสู้ผู้เก่งกล้าที่สุด อย่างไรก็ตาม การฝึกของเขาเรียบง่ายและพลิกแพลงได้ เป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีในการฝึกเทคนิคสูงๆ อื่นๆ ของพวก Dragon
Stun Strike : การจู่โจมฉับพลัน : Spearman ที่ใช้เวลาการฝึกฝนทำสมาธิในมหาวิหาร (The Shrine) อาจจะเรียนรู้การจู่โจมด้วยความเร็วและความแรงสูง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้
Whirling Spear : พายุหอก : เมื่อโรงงานดอกไม้เพลิงหรือ Fireworks Factory ผสมดินปืนเข้ากับหอก ผลลัพธ์ก็คือพายุของความน่ากลัวที่จะพาดผ่านศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงด้วยห่าฝนของการทิ่มแทง

Archer : นักขมังธนู
"เพียงโดนเหยี่ยวพานพบ ชีวิตกระต่ายย่อมจบสิ้น เพียงธนูของข้าบิน ศัตรูย่อมดับดิ้นในพลัน"
พวก Dragon clan ที่ถูกฝึกให้เป็น Archer มักเป็นพวกชาวบ้านที่มีพรสวรรค์ในการล่าสัตว์ จะต้องมีทักษะในหลายด้าน อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องมีสายตาที่เฉียบคมอย่างเหลือเชื่อ ห่างไกลจากการเป็นคนอ่อนแอหรือขี้ขลาด Archer จะต้องมีพละกำลังที่แขนใหญ่หลวงในการดึงคันธนู และต้องมีพละกำลังทางสมาธิที่ใหญ่หลวงในการอยู่สงบนิ่งจนกว่าศัตรูจะเผยออกมาให้เห็น ตราบเท่าที่พวกเขายังคงความสงบเยือกเย็น ลูกศรของ Archer จะพุ่งเข้าเป้าด้วยความแรงเหนือสิ่งใด
อย่างไรก็ตามความชำนาญลักษณนี้ก็มีขอเสียอยู่ พวก Archer ของเผ่าพันธุ์ Dragon จะไม่ตื่นตระหนกหรือละทิ้งอาวุธของพวกเขาไป นอกจากนี้เข้ายังไม่ยอมสวมเสื้อเกราะ ด้วยเกรงว่ามันจะมารบกวนการเล็งเป้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนของเขา หรือทำให้เข้าไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนทิศของลม ด้วยเหตุนี้ Archer ที่อยู่เพียงลำพังในสนามรบนั้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมยิ่งนัก
Zen Arrows : ลูกศรเซ็น : ที่มหาวิหาร (The Shrine) พวก Archer จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธของเขาจริงๆ (ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย) นี่ทำให้เขาสามารถสอดส่องไปตามบริเวณที่ลูกธนูของเขาพุ่งตกลงไปได้ อย่างไรก็ตามในการกระทำนี้ เขาจะต้องอยู่นิ่งกับที่ไม่ไหวติงสักนิดเพื่อรักษาจุดสนใจไว้
Fire Arrows : ลูกศรเซ็น : โรงงานดอกไม้เพลิงหรือ Fireworks Factory จะสร้างลูกธนูไฟที่สามารถระเบิดตึกให้เป็นจุณได้อย่างรวดเร็ว เจ้าลูกไฟเล็กๆ นี้จะทำให้คนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากกว่าที่จะเป็นอันตราย

Chemist : นักเคมี
"ศัตรูข้าจงสูญสิ้นในกำมะถันและควันไฟ สำหรับพวหมันแล้วนรกน่ะไม่เท่าไหร่หรอก"
สำหรับชาวบ้านบางคนแล้วถึงแม้จะมีหัวไวและตาเฉียบคม แต่ก็ยังไม่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้แบบปรกติในสนามรบ คนเหล่านี้ส่วนมากจะกลายเป็นนักเคมี เรียนรู้ที่จะแปลงสมุนไพรธรรมชาติและแร่ธาตุด้อยค่าให้เป็นยารักษาโรคและดอกไม้ไฟที่สวยงาม ทักษะทั้งสองด้านมีประโยชน์ในยามสงครามเนื่องจากนักเคมีสามารถประดิษฐ์จรวดที่กรีดร้องและทะยานร่อนลงยังข้าศึก หรือใช้ยาของเขารักษาพันธมิตรที่อยู่ใกล้เคียงให้หายเร็วขึ้น
นักเคมีเป็นผู้รักในการประดิษฐ์ดอกไม้ไฟ ไม่ใช่พวกนักสู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาแน่แน่หากต้องสู้ตัวต่อตัว ถึงกระนั้นอาวุธพิสดารของพวกเขาและความหลงใหลคลั่งใคล้ในอาวุธระเบิดได้ทำให้โรนิน (Ronin) หลายคนถึงกับประสาทเสีย และได้พลิกโฉมการรบในหลายๆ สมรภูมิ
Mandrake Spores : เชื้อของแมนเดรค : นักเคมีผู้ทำสมาธิในวิหารของพวกเขาจะรับรู้ถึงความลับของสมุนไพรประการหนึ่ง เจ้าเชื้อที่ผสมในแป้งนี้จะทำให้ข้าศึกขาดความระวังระไวตัวเอง และจะกล่อมพวกเขาจนกระทั่งพวกเขายากจะตื่นอยู่ได้
Starburst Rocket : จรวดดาวกระจาย : นักเคมีผู้สันโดษอาจสร้างจรวดมฤตยูขึ้นมาได้ นักเคมีที่เข้าถึงโรงงานดอกไม้ไฟก็เปรียบเหมือนเด็กบ้าในดินแดงแห่งของเล่นเพลิง

Dragon Warrior : นักรบมังกร
"มังกรไซร้อยู่ในตัวข้า ทั้งฟัน กรงเล็บและกระดูก หากท่านกล้าก็จงลองปลุกมังกรตนนี้ดูเถิด"
Dragon Warrior คือการเกิดใหม่ที่บริสุทธิ์ของวิญญาณที่เหี้ยมหาญของมังกร ด้วยความรังเกียจเกราะกันอาวุธ พวกเขาสู้ตัวเปล่าปราศจากความกลัว มีเครื่องปกป้องเพียงแค่ตัวสะท้อนสายฟ้าและเครื่องป้องกันแขนเงินที่แสดงถึงความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของเขา ดาบของเขากวัดแกว่งไปในอากาศและศัตรูของเขาอย่างไม่ลังเล แม้แต่ศัตรูของเขายังรู้ได้ถึงความหาญกล้าของ Dragon และจะอยู่สู้ด้วยความเหี้ยมหาญกว่าปรกติเมื่อเขาทะยานเข้าต่อกร
แม้ว่านักสู้นี้จะเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถที่จะใช้ดาบประหารศัตรูได้จากระยะไกล กระนั้นเขาก็ยังชอบพิชิตศัตรูในระยะประชิดมากกว่า ก็นี่แหละคือวิธีที่เขาชอบ
Chi Shield : โล่ห์ชิ : โดยการทำสมาธิที่วิหารของผู้อุปถัมภ์เขา Dragon Warrior เรียนรู้ที่จะจัดสมดุลความโกรธเกรี้ยวของเขาด้วยความสงบภายใน ทำให้บรรลุสู่ความไม่ประสงค์จะทำร้ายใคร ตราบเท่าที่เขาสามารถตั้งจิตให้สงบและต่อต้านความอยากที่จะจู่โจม
Flaming Sword : ดาบเพลิง : ปรมาจารย์แห่งการประดิษฐ์ดอกไม้ไฟสามารถอาบดาบของ Dragon Warrior ด้วยสารที่เป็นเชื้อเพลิง ในสมรภูมิ เพลิงภายในของ Dragon Warrior จะทำที่เหลือเอง
Kabuki Warrior : นักรบคาบูกิ
"ดูกรท่านผู้สูงศักดิ์ ท่านประสงค์จะชมการแสดงอันตื่นตาฤๅ โปรดให้ข้าแสดงวิบัติภัยของท่านแก่สายตาของท่านเถิด"
พวก Dragon Clan มีความเข้าใจการสู้รบเป็นดังศิลปะเสมอ ความหลงใหล ความคิดสร้างสรรค์ ความงามและไม่มีใครเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ดีไปกว่า Kabuki Warrior ผู้ซึ่งทักษะของมายาภาพและคมดาบมาพบกันในความตายที่ไหลเลื่อนอย่างงดงาม เขาคือปรมาจารย์ในการล่อลวงศัตรูไปสู่ความผิดพลาดถึงฆาต และจู่โจมในระยะประชิดตัวด้วยเหล็กกล้า หรือในระยะห่างด้วยผงวิเศษมฤตยู กระนั้นด้วยความปรารถนาต่อการรบของเขาหาได้ไปลดทอนความปรารถนาดีต่อชีวิตของเขาลงไม่ และความพลิกแพลงว่องไวในการใช้มือของเขาได้นำมาซึ่งความบันเทิงและหฤหรรษ์แก่ชาวบ้านเสมอ
คาบูกิคือศิลปะของการวางสมดุลที่งามสง่า และ Kabuki Warrior ก็เป็นนักรบที่มีความสมดุลลงตัว ฉับไวและพลิกแพลง ไม่อ้อยสร้อยใคร่ครวญหรือบ้าบิ่นวู่วาม น้อยคนนักที่อยากจะเผชิญหน้ากับเขาในสมรภูมิ ความหวาดเกรงที่จะถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีอาจเหนือกว่าความกลัวตายซะอีก
Stardust : ธุลีดาว : จากการทำสมาธิที่มหาวิหาร (The Shrine) พวก Kabuki Warrior ได้เรียนรู้ความลับของมายาภาพ ผงวิบวับเหล่านี้ทำให้ศัตรูที่โจมตีด้วยจรวจมึนงงสับสนและไม่สามารถยิงผ่านเมฆหมอกให้ตรงเป้าได้
Flash Powder : ผงแป้งวูบวาบ : แต่เดิมเป็นเพียงเครื่องมือบนเวทีของนักมายากล แต่ความสามารถของ Flash Powder ที่ทำให้ศัตรูรวนเรและตาบอดได้ก็ถือว่าวิเศษเกินพอสำหรับการใช้ในสนามรบด้วย

Sumo Cannoneer : ซูโม่ปืนใหญ่
"พ่อมดเรอะ? ฮ่า! ข้าน่ะชอบกินเป็นอาหารเช้า นั่นน่ะ แค่เรียกน้ำย่อยนะ"
ผู้รอบรู้กลยุทธ์ในพวก Dragon จะดูถูกอาวุธปืนว่าหยาบและไม่พลิกแพลง เป็นอาวุธที่งี่เง่าที่มีแต่คนซื่อบื้อใช้ ในทางกลับกัน พวกเขาได้เล็งเห็นมานานแล้วว่าปืนใหญ่นั้นมีประโยชน์มากในสนามรบ ผลของความเชื่อทั้งสองอย่างนี้ก็คือ Sumo Cannoneer พวกนักรบชั้นสูงพวกนี้ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของพวกเขาในการฝึกฝนอาวุธที่ไม่เหมือนใครซึ่งก็คือปืนใหญ่ขนาดเล็กที่เอาไว้ยิงถังที่บรรจุดินปืน ส่วนเวลาอีกครึ่งหนึ่งพวกเขาใช้ในการคิดเพราะว่า นี่ยังไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องความแข็งแกร่ง จะต้องเป็นคนที่มีรูปร่างมหีมาที่จะรับแรงดีดตัวกลับของปืนใหญ่ได้ พวก Cannoneer ชั้นยอดที่สุดคือพวกอดีตแชมป์ซูโม่ เรายังอาจเห็นพวกเขาโรยเกลือลงบนพื้นดินเพื่อขับไล่วิญญาณปีศาจและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ตนเอง พิธีกรรมที่ทำตั้งแต่สมัยยังอยู่บนสังเวียนซูโม่
บางครั้งภาพของฝูงคนอ้วนใหญ่มหึมาเดินอุ้ยอ้ายตุปัดตุเป๋เข้าสู่สนามรบอาจเรียกเสียงฮาและคำดูถูกจากข้าศึกโง่เง่าได้ แต่เสียงหัวเราะจะเงียบกริบลงเมื่อปืนใหญ่เริ่มต้นทำลายล้างอาคารอย่างง่ายดายเช่นเดียวกับมนุษย์
Indirect Fire : การยิงเบี่ยงเบน : มันเป็นการยากที่จะเล็งปืนใหญ่ได้อย่างแม่นยำ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะใกล้ กระนั้น ด้วยการทำสมาธิ (และการใส่ดินปืนเป็นสองเท่า) พวก Cannoneer ได้เรียนรู้ที่จะยิงปืนได้ไกลนอกระยะสายตา ที่ซึ่งพันธมิตรสามารถตะโกนและเขาได้ยิน
Shrapnel Keg : ถังใส่กระสุนกระจาย : พวก Cannoneer และ Chemist (นักเคมี) เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยและพ่อนักเคมีอัจฉริยะสติเฟื่องแห่งโรงงานดอกไม้ไฟจะชื่นชอบการประดิษฐ์ลูกกระสุนชนิดหั่นเนื้อปั่นกระดูกมากนี้เป็นพิเศษ

Samurai : ซามูไร
"ข้าคือเกียรติยศแห่งมังกร ไม่มากไปกว่านี้ ส่วนเจ้าน่ะไม่ได้เป็นอะไรเลย
ในสนามรบ ไม่มีอำนาจใดจะเหนือไปกว่า Samurai ดุดันประดุจเสือ ชาญฉลาดดั่งมังกร พวกเขาเป็นนักวางกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมและยังเป็นนักรบชั้นยอดด้วย
เป็นผู้ปกปักรักษาเกียรติศักดิ์แห่งเผ่าพันธุ์เหนือสิ่งอื่นใด ห่อพันกายาด้วยแผ่นเหล็กวาบวับ Samurai คือปรมาจารย์แห่งธนูและดาบ และกวัดแกว่งอาวุธทั้งสองชนิดด้วยพละกำลังและความลึกซึ้งดุจเดียวกับปรมาจารย์แห่งโบราณกาล น้อยคนนักที่จักรับมือได้
มีคำกล่าวว่า แม้กระทั่งในยามสิ้น Samurai ไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้ เมื่อไม่อาจเอาชนะศัตรูหมู่มากได้ Samurai จะเลือกที่จะคว้านไส้ตัวเองแทนที่จะยอมตกอยู่ใต้คมมีดข้าศึก ความหาญกล้านี้ได้ปลดปล่อยพายุของความถูกต้องชอบธรรมออกมาข่มขวัญศัตรูได้ แม้ในยามที่เขาล่วงไปสู่ภพหน้าอย่างสงบ
Yang Blade : ดาบหยาง : ที่ Dragon Shrine (มหาวิหารมังกร) ดาบซามูไรจะถูกเจิมให้มีความสามารถในการประกอบวีรกรรม เป็นการเสริมความรุ่งโรจน์และอำนาจลึกลับให้แก่เผ่าพันธุ์มังกรในการฟาดฟันแต่ละครั้ง
Dragon Skin : ผิวมังกร : Fireworks Factory (โรงงานดอกไม้ไฟ) สามารถเสริมเกราะซามูไรให้กันภัยได้จากอาวุธจรวดทุกประเภทเมื่อเขาตั้งจิตจดจ่ออยู่กับพลังอันลึกลับของเขา อย่างไรก็ตาม มันต้องอาศัยสมาธิอันแน่วแน่และความอดทนอย่างแรงกล้าในการแปลงเหล็กให้เป็นผิวมังกร

Geisha : เกอิชา
"สัมผัสอันนุ่มนวลและเสียงใสประดุจแก้ว อาจเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พวกผู้ชายซะยิ่งว่าร่มธงแห่งสรวงสวรรค์ซะอีก"
Geisha ของ Dragon Clan ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หญิงงามเมืองธรรมดา พวกเธอเป็นนักดนตรีมีฝีมือ เป็นนักเต้นรำที่งามสง่า เป็นนักเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม พวกเธอเป็นผู้สืบทอดศิลปะที่นุ่มนวลของเผ่ามังกรไว้คงอยู่ได้แม้ในภาวะสงครามที่นองเลือดที่สุด และเป็นเครื่องเตือนใจนักรบของเผ่าให้นึกถึงอุดมการณ์อันงดงามที่พวกเขาปรารถนาจะไปให้ถึง
นอกจากนี้ Geisha ก็มิใช่คนขลาดและหวาดกลัวต่อสนามรบ ในยามจำเป็น พวกเธอก็จะออกสู่สนามรบเคียงบ่าเคียงไหล่เหล่าทหารชายเช่นกัน โดยใช้ความเข้าใจในร่างกายมนุษย์และศิลปะลึกลับปรัมปราที่รักษาได้แม้บาดแผลที่ฉกรรจ์ที่สุด ธรรมชาติของพวกเธอคือการบำบัดไม่ใช่การก่อความทุกข์ และถึงแม้ว่าจะคล่องแคล่วและปราดปรียว พวกเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่านักรบทมิฬ โชคยังดีที่พวกเธอไม่เคยขาดนักสู้ที่จะคอยปกป้องพวกเธอ
Sacrifice : การเสียสละ : เวทมนต์โบราณที่สุดของ Geisha สามารถแยกวิญญาณของเธอออกจากร่างกายได้ วิญญาณจะหลอมรวมเข้าสู่พันธมิตรในละแวกใกล้เคียงและสร้างเสริมให้สุขภาพของพวกเขากลับมาอย่างสมบูรณ์ มีเพียงการทำสมาธิที่ Dragon Shrine (วิหารมังกร) เท่านั้นที่จะสร้างปัญญาและความกล้าหาญให้แก่ Geisha เพื่อให้พวกเธอสามารถร่ายคาถานี้ได้
Fire Shield : โล่ห์กันไฟ : จากการเรียนรู้ความลับของ Fireworks Factory (โรงงานดอกไม้ไฟ) Geisha อาจจะฉายความปรารถนาเป็นเปลวไฟรายรอบตัวเธอ เผาไหม้ใครก็ตามที่จะเข้ามาทำร้ายเธอในระยะประชิด

ข้อความไม่พอ ไปต่อเรปต่อๆ ไปนะ เหอๆ lol!

ผมก็ว่าจะลงแต่ยาวแสรด!!!~

ขยันจริงๆ

ท่าพลหอกเท่ดี เต๋านี่สุดยอด

ขอเผ่าโลตัสด้วยจ้า *0*

Dragon Zen Masters : ปรมาจารย์เซ็นเผ่ามังกร
Arah : อราห์ "ความคิดข้าโลดแล่น ธนูข้าโผบิน...เป็นหนึ่งเดียวกัน"
Arah เป็นนักขมังธนูไร้ผู้เทียบเทียม และฝีมือของเธอยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่านักขมังธนูของ Dragon Clan โบราณเสียอีก ลูกธนูของเธอเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว ความแม่นยำและพละกำลังที่ย่นระย่อขวัญศัตรูของเธอ ลูกธนูที่โผบินจากคันธนูยาวขนาดใหญ่ที่เธอถือจะทะลุทลวงทั้งโล่ห์และกระดูกได้ราวกับหอกแทง
เธอเดินทางมายังดินแดนนี้จากถิ่นอื่น พาบพบ Kenji ในช่วงเขาปลีกกาย อดีตที่คล้ายคลึงได้ผูกมัดพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน หนี้เลือดหรือจุดแห่งเกียรติยศได้ชักนำให้เธอตามเขากลับบ้าน เธอเป็นหญิงร่างสูงเพรียว นิสัยใจคอห่างเหินและเย็นชา แต่ตอนนี้เธอสู้เพื่อเผ่าพันธุ์ Dragon ด้วยทั้งหัวใจและวิญญาณ (Nampu : โอ้วววว สุดยอดดดดด Arah เท่ชะมัด )
Zen Arrow : ธนูเซ็น : เป็นเวลานานแล้วที่ Arah กลายเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธอย่างที่นักขมังธนู Dragon ทุกคนอยากจะเป็น เมื่อเธอปรารถนา เธอสามารถทำให้ลูกธนูกลายเป็นส่วนหนึ่งของใจเธอและทำให้เธอสามารถเห็นถึงภูมิประเทศที่ห่างไกล

Garrin : การ์ริน "โคลน เลือด เสียงม้าร้อง..สู้ต่อไป"
Garrin ไต่เต้าจากเด็กเลี้ยงม้าขึ้นไปสู่แม่ทัพทหารม้าด้วยทักษะที่ไร้เทียมทานและกลศึกที่ชาญฉลาด และทหารใต้บังคับบัญชาของเขายังคงพูดถึงความสามารถในสนามรบของเขาอย่างตื่นตะลึง แม้เมื่อภายหลังที่เขากลายเป็นแม่ทัพและนักวางกลยุทธ์เขายังคงออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่เหล่าทหารหาญ โดยมีทวนและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวเป็นอาวุธ Garrin ชอบที่จะพิชิตอุปสรรค และความแยบคายและดื้อรั้นของเขานั้นใช้การได้แม้กับศัตรูผู้เก่งกล้ากว่าก็ตาม
Call Horse : การเรียกม้า : จากการใช้ชีวิตอยู่นานหลายปีทั้งในคอกม้าและบนหลังม้า Garrin มีความสามารถพิเศษที่จะเรียกม้าป่าตามใจปรารถนา เมื่อเขาใช้ทักษะนี้ม้าป่าที่อยู่ใกล้ที่สุดวิ่งไปหาเขา

Kazan : คาซาน "อ้วน ติดไฟง่าย และอันตรายที่จะรู้"
Kazan เป็นหนึ่งในสี่ของ Elemental Brothers (ภราดรแห่งธาตุ) ของเผ่าพันธุ์ Serpent อันเป็นสำนักสู้รบของสงฆ์ที่กระจัดกระจายกันแล้ว กระนั้น Kazan ผู้เป็นภราดรแห่งไฟก็ยังอยู่กับพวกเรา พเนจรไปในแผ่นดิน ดื่มเหล้าและจุดไฟเผาสิ่งต่างๆ บางครั้งในช่วงอนาระยุคเขาจะเข้าร่วมกับคณะละครสัตว์เร่ร่อน ที่ซึ่งร่างกายอันใหญ่มหึมาและอารมณ์คึกคะนองของเขาเป็นที่เตะตาน้อยกว่า
ในสถานการณ์ทั่วๆ ไป Kazan ก็ดูน่าสงสัยอยู่จริงๆ เข้าเป็นชายร่างยักษ์ อ้วนใหญ่และชอบเมาแอ๋ด้วยฤทธิ์เหล้าแรงพิเศษที่เขาพกติดตัวตลอดเวลาในน้ำเต้าขนาดลูกฟักทอง ในการต่อสู้เขามักจะเข่นฆ่าฟาดฟันศัตรูด้วยสิ่งของใกล้มือ ไฟคือเพื่อนและธาตุของเขา ดังนั้นมันจึงแทบไม่เป็นอันตรายต่อเขา แรงระเบิดหรือไฟรูปแบบต่างๆ ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
Framing Tsunami : เหล้าเชื้อไฟ : เครื่องดื่มโปรดของ Kazan จะเป็นเชื้อไฟได้พอๆ กับทำให้เมา เมื่อถูกยั่วยุเขาจะจุดไฟแล้วโยนมัน เพื่อให้เพลิงเผาทุกสิ่งหรือทุกคนที่มันไปถึง

Otomo : โอโตโม "การรบพุ่งไม่ใช่เพื่อข้า หากแต่เพื่อเกียรติศักดิ์ของเจ้าเอง หากเจ้าสิ้น คนอื่นจะจดจำวันนี้ว่าเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า"
เมื่อลูกหลานคนสุดท้ายของเชื้อสาย Tarrant (ทาร์แรนท์) ได้ตายลงไป มันก็ตกเป็นหน้าที่ของเหล่าเสนาอำมาตย์ที่จะรักษาความเป็นระเบียบของแผ่นดินสืบไป ในบรรดาคนทั้งปวง ผู้ที่ประชาชนรักใคร่ที่สุดคือ Otomo ในขณะที่ Shinja ปกครองด้วยความเข้มแข็งและความยำเกรง Otomo เป็นผู้สามารถบันดาลใจให้ลูกน้องเกิดความภักดีและความกล้าหาญ ด้วยความเที่ยงธรรม ปรีชาชาญ และเกียรติศักดิ์ศรีของเขา
ศัตรูของเขาชอบเย้ยหยันว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ แต่ใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับเขาในสมรภูมิจะรู้ดีว่าจริงๆ แล้วจะกลับเป็นตรงข้าม การปรากฎตัวของเขาดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่พันธมิตรของเขา มันมีบางสิ่งที่เป็นของชนเผ่ามังกรโบราณเหลือรอดอยู่
Battle Cry : เสียงร้องในสมรภูมิ : ในภาวะคับขัน Otomo สามารถปลุกปลอบขวัญนักรบของเขาด้วยเสียงร้อง เป็นเสียงร้องที่ทำให้การฟาดฟันของเขาเข้มแข็งเป็นทวีคูณ

Tao : เต๋า "บางครั้งท่านหลงคิดไปว่าส่วนเสี้ยวคือทั้งหมด"
มีผู้เห็นนักรบรับจ้างผู้ลึกลับนี้พเนจรไปในแผ่นดินมากกว่าสี่สิบปีแล้ว หรืออาจจะนานกว่านั้นก็เป็นได้ เขาร่อนเร่ไปตามลำพัง อยู่ไม่ติดที่ และมีสัมภาระเป็นแค่ดาบยาวและถุงข้าวใบเล็กอาศัยหลับนอนตามยุ้งฉางหรือใต้ดวงดาว มีคนบรรยายว่าเขาเป็นคนสูงเพรียว พูดน้อยและไม่เคยก่อปัญหาใดๆ พวกโง่เง่าหรือสิ้นหวังพอที่จะไปตอแยเขาก็จะพบว่า เขานั้นคล่องแคล่วและฉับไวทั้งในการรุกและรับ
เขาไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นเวลานาน และอาจจะทำงานให้แก่ทั้งพวกอสรพิษและพวกมังกร เขาอ้างว่าเขาไม่ใช่ทั้งพวกหยินและหยาง (Yin and Yang) แต่เป็นจุดสมดุลระหว่างกลาง ที่แปลกก็คือเขามีความเกี่ยวโยงทั้งกับสำนักพระและนินจา และดูเหมือนจะมีลักษณะของทั้งสองประเภทนี้ด้วย
Reversal of Fortune : กงล้อชะตากรรม : Tao เป็นผู้ที่อยู่ในจุดสมดุลของสรรพสิ่ง ใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายคนอย่างเขาก็จะเห็นความร้ายกาจนั้นย้อนกลับมาหาตนนั่นเป็นเพราะ Tao ยืนอยู่ตรงกลางของแรงอำนาจทั้งพวก ของชะตากรรมทั้งปวง